ตัวแม่ต้องรู้! ลงทุน Brandname ผ่านกองทุนรวม

ช่วงปีที่ผ่านมา แม้ว่าหลายภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่กับสินค้าแฟชั่นไฮ-เอน ระดับโลก หรือที่เรามักเรียกติดปากกันว่า ‘แบรนด์เนม’ โดยเฉพาะกระเป๋ารุ่นฮิต หรือนาฬิการุ่นดังต่างพากันขึ้นราคากันถึง 25% เลยทีเดียว ทั้งยังส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทแม่ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์หรูต่างๆ พากันทะยานเป็นขาขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2021 เช่น LVMH บริษัทแม่ของ LOUIS VUITTON, Dior, Celine หรือ Fendi เป็นต้น ที่มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 130% หรือ Hermes ผู้ผลิตกระเป๋าในฝันของสาว ๆ ทั่วโลก ที่มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 210% หรือ KERING บริษัทแม่ของ Gucci, Balenciaga หรือ Bottega Veneta ที่มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 100% เป็นต้น เห็นหุ้นขึ้นขนาดนี้แล้วเพื่อน ๆ คงอยากเข้าซื้อกันแล้วใช่ไหมครับ แต่เดียวก่อน! ทั้ง 3 บริษัทนั้นถูกจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ยุโรปหรือ Euronext การซื้อขายจึงมีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ไม่ต้องกังวลไปครับเพราะเราสามารถเข้าซื้อผ่านกองทุนรวมได้!? SCBEUROPE […]

ลงทุนที่เดียว ครอบคลุมสินทรัพย์ทั่วโลก

รู้ไหมครับว่าตอนที่คุณกำลังอ่านบทความนี้เงินเฟ้อของประเทศไทยสูงสุดในรอบ 13 ปี! กล่าวคือมีเงินเท่าเดิมแต่ซื้อของได้น้อยลง ทำให้รู้สึกว่าข้าวของแพงขึ้นนั่นเอง … แล้วจะทำยังไงได้บ้างหละ ให้เงินของเรามีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ? คำตอบก็คือการลงทุนนั่นเอง… สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร และกำลังตัดสินใจว่าจะลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ หรือทรัพย์สินไหนดี? จะเลือกทำไม ถ้าคุณสามารถลงทุนเพียงที่เดียว แต่ครอบคลุมสินทรัพย์หลากหลายประเภท ผ่าน ‘เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 15/6’ เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 15/6 คืออะไร? คือประกันชีวิตสะสมทรัพย์ นอกจากจะให้ความคุ้มครองตามประกันชีวิต ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ผ่านดัชนี GS Momentum Builder® Multi-Asset 5S ER ซึ่งมีการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลายประเภท เช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน ทองคำ เป็นต้น และลงทุนทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา จีน ยุโรป ญี่ปุ่น หรืออินเดีย เพื่อลดความผันผวนและกระจายความเสี่ยง หมดห่วงว่าจะต้องทำการซื้อ-ขายเอง เพราะมี Goldman Sachs สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาคอยดูแล […]

3 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มลงทุน

ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มลงทุนอยากให้มารู้จัก 3 ข้อต่อไปนี้ซึ่งเป็น 3 ข้อที่มีความสำคัญและสัมพันธ์กันถ้าเรารู้และนำไปประยุกต์ใช้และวางแผนการลงทุนให้เหมาะกับตัวเอง รับรองว่าการออมเงินให้ถึงเป้าที่ตั้งใจไว้ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน 1.รู้จักการเก็บเงินและการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ การลงทุน/เก็บเงินในสินทรัพย์ต่างๆ นั้นมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ฝากเงิน ประกันชีวิต สลากออมสิน/ธกส. พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ กองทุนรวม หุ้น ทองคำ น้ำมัน คริปโต ซึ่งการลงทุนในแต่ละแบบก็ล้วนให้ผลตอบแทนที่ต่างกันและมีความเสี่ยงที่ต่างกันด้วย การฝากเงินไว้ในธนาคารอาจจะไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่สูง และคนที่เลือกทางนี้ก็เพราะรับความเสี่ยงสูงมากไม่ได้ สบายใจกว่าเมื่อเห็นเงินต้นยังคงอยู่ บางคนเลือกลงทุนในหุ้นเพราะต้องการผลตอบแทนที่สูงซึ่งก็ต้องยอมรับในความผันผวนที่สูงขึ้น อาจจะมีขึ้นมีลง ถ้าเป็นการลงทุนในระยะยาวหรือกระจายการลงทุน มีความรู้เรื่องการลงทุนที่ดีก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงมากๆ มีสำนวนหนึ่งบอกไว้ว่า “การมีตะกร้าใส่ไข่ใบเดียว เมื่อตะกร้าตก ไข่ก็แตกหมด เช่นเดียวกับเงิน ถ้าเก็บเงินไว้ที่เดียวทั้งหมดก็มีความเสี่ยงเช่นกัน การฝากไว้กับธนาคารเกินความจำเป็นก็มีความเสี่ยงที่จะพลาดโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้น หรือนำเงินไปลงทุนในหุ้นทั้งหมดก็เสี่ยงต่อความผันผวน การกระจายเงินไว้ในหลากหลายสินทรัพย์จึงเป็นการทางเลือกหนึ่งในการกระจายความเสี่ยง” การลงทุนหรือเก็บเงินนั้นจึงมีให้เลือกหลากหลายตามความชอบ/ความเสี่ยง/ความรู้ ที่เราถนัดไม่มีผิดมีถูก ทั้งนี้ก็ต้องเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เรามีความรู้และเชื่อมั่นด้วย ไม่ใช่เห็นว่า สินทรัพย์นั้นผลตอบแทนสูงมากแต่เราไม่มีความรู้เลย พอเอาเงินไปลงทุนก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ กลัวเงินต้นหาย  2. รู้จักเป้าหมายการลงทุน เป้าหมายการลงทุนหรือเก็บเงิน จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เป้าหมายระยะสั้น เช่น 3-5 […]

3 กองทุนรวมลงทุนในหุ้นธนาคาร

ถ้าพูดถึงหุ้นของสถาบันการเงินในประเทศไทยหลายคนคงต้องนึกถึงหุ้นของธนาคาร หรือหลายคนก็อาจจะรู้จักเป็นอย่างดีและมีลงทุนเก็บไว้กันบ้างแล้ว แต่การซื้อหุ้นหรือลงทุนในหุ้นของธนาคารโดยตรงอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนเพราะบางธนาคารก็มีข้อกำหนด เช่น ซื้อขั้นต่ำอย่างน้อยกี่หุ้น หรือราคาหุ้นก็สูงเกินกำลังโดยเฉพาะธนาคารใหญ่ๆ ราคาหุ้นเฉลี่ยในปี 2565 ก็ไม่ต่ำอย่าง 100 บาท ถ้าจะลงทุนหลายธนาคารก็อาจจะมีเงินไม่พอ ปัญญาทั้งหมดนี้แก้ได้ง่ายๆ โดยเปลี่ยนจากการลงทุนหรือซื้อหุ้นรายตัวของแต่ละธนาคาร ก็ไปซื้อกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นของธนาคารแทน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะลงทุนในหุ้นของธนาคาร Top 5 ของประเทศ ทำให้การซื้อกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นธนาคารนั้นใช้เงินเพียงไม่กี่บาท ก็เหมือนได้ลงทุนในธนาคารต่างๆ แล้ว ที่สำคัญยังมีผู้เชี่ยวชาญหรือผู้จัดการกองทุนคอยบริการการลงทุนกองทุนรวมนั้นๆให้ด้วย 1. K-BANKING (กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นธุรกิจธนาคาร) ประเภทกองทุน กองทุนรวมตราสารทุน โดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย เริ่มต้นลงทุนครั้งแรกและขั้นต่ำครั้งต่อไป 500 บาท นโยบายจ่ายเงินปันผล : ไม่จ่าย ระดับความเสี่ยงสูง (7) นโยบายการลงทุนของกองทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ 21.07% ธนาคารกสิกรไทย 19.31% ธนาคารกรุงเทพ 13.87% ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 13.46% ธนาคารกรุงไทย 11.70% ข้อมูลวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 https://www.kasikornasset.com/…/Pages/K-BANKING.aspx […]

3 คำศัพท์ที่ควรรู้ในการอ่าน Fund Fact Sheet กองทุนรวม

ความผันผวนของผลตอบแทน ความผันผวนของผลตอบแทน (Standard Deviation: S.D.) คือ ค่าความเบี่ยงเบนของผลตอบแทน ตัวอย่าง: กองทุน A มีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 5 % มีค่าความผันผวน (S.D.) 3 % หมายความว่า กองทุนรวม A คาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5 ต่อปี แต่มีโอกาสที่ผลตอบแทนจะไม่เป็นไปตามคาดหวังคือจะผันผวนอยู่ในช่วง 5 % และ + S.D. ( 3 %) คืออยู่ระหว่าง 2 % ถึง 8% อันดับ Percentile เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเปรียบเทียบข้อมูลกับกองทุนอื่น ที่มีนโยบายการลงทุนในรูปแบบเดียวกัน สมาคมบริษัทจัดการลงทุน หรือ AIMC ได้จัดทาตารางเพื่อเปรียบเทียบผลการดาเนินงานและความผันผวนของผลตอบแทนในรูปแบบ Peer Percentile Percentile ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ลำดับ 5th Percentile หมายถึง ผลการดำเนินการอยู่ใน […]

1 2 3 7