เงินสำรองฉุกเฉินของมันต้องมี

หลังจากที่เริ่มวางต้นวางแผนการเงินโดยทำบัญชีรายรายรายจ่ายเพื่อตรวจสอบการใช้จ่ายของตัวเองไปเรียบร้อย (จากโพสก่อนหน้า) ขั้นตอนต่อมาที่จะต้องทำคือการเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินไว้ใช้เมื่อมีเหตุจำเป็น ซึ่งหลายคนอาจจะมีคำถามว่า ทำไมทำไมต้องมีส่วนนี้ด้วย เงินออมสำรองฉุกเฉินเอามาจากไหน? จากโพสก่อนหน้า หลังจากที่เรามีรายได้เข้ามาก่อนใช้ออมไปจะต้องออมก่อนใช่ไหมครับ เงินสำรองฉุกเฉินก็สามารถกันมาจากเงินออมส่วนนี้ได้ หรือจะแยกออกมาออมอีกต่างหากก็ได้ ออมฉุกเฉินไปเพื่อออะไร? ผมขอแยกเป็น 2 แบบคือฉุกเฉินเบาและฉุกเฉินหนักเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นครับ ฉุกเฉินเบา เคยเจอไหมครับ อยู่ๆ บางเดือนก็มีเหตุให้ใช้เงินนอกเหนือจากรายจ่ายประจำเดือน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าก็พัง รถก็มีปัญหา ซ่อมแซมบ้าน ไม่อยู่ในแผนค่าใช้รายเดือนที่เตรียมไว้ จึงต้องมีเงินสำรองสำหรับส่วนนี้ด้วย บางท่านบอกว่าในสมัยนี้สะดวกมากขึ้นเพราะสามารถใช้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสนใจการผ่อนได้แล้ว แต่อย่าลืมกว่า เงินที่รูดหรือกดมาใช้ยังไงก็ต้องคืนอยู่ดีซึ่งก็ต้องไปหักจากรายได้ สำหรับฉุกเฉินหนักอาจจะไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อย แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วอาจจะสร้างผลกระทบที่รุนแรง เช่น บริษัทปรับเปลี่ยนโครงสร้างทำให้ต้องออกจากงาน ครอบครัวมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ หรือช่วงหลายปีที่ผ่านมาโควิดระบาดทำให้หลายคนต้องตกงาน หรือบริษัทปิดโดยไม่ทันได้เตรียมตัว ถ้ามีเงินสำรองฉุกเฉินเพียงพออาจจะให้เรายังพออยู่ได้แบบไม่ลำบาก หรือถ้ามีเงินสำรองฉุกเฉินไว้บางส่วนก็ยังพอมาบรรเทาค่าใช้จ่ายที่จำเป็นก่อนได้ ต้องมีเงินออมสำรองฉุกเฉินเท่าไหร่ถึงจะพอ? ถ้าจะให้บอกเป็นตัวเลขหรือเปอร์เซ็นต์ก็คงยาก เพราะแต่ละคนมีรายได้ ค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน รายจ่ายของบางคนที่มองว่าไม่จำเป็นแต่กลับเป็นสิ่งจำเป็นของอีกคน ถ้าจะต้องเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินให้พออยู่ได้ในช่วงวิกฤตอาจจะประมาณ 6 เดือนของค่าใช้จ่ายจำเป็นก่อน หากมีมากกว่านั้นก็ค่อยเพิ่มให้ถึง 12 เดือน แต่ไม่ควรสูงกว่านี้และจะต้องเก็บไว้ในเครื่องการออมที่สามารถเอาออกมาใช้ได้ง่าย เช่น บัญชเงินฝากออมทรัพย์ที่ถอนมาใช้ได้ทันทีที่จำเป็น

เริ่มต้นวางแผนการเงินด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่าย

ในการเริ่มต้นบริหารจัดการเงินหรือวางแผนการเงินสิ่งสำคัญมากคือการจดรายรับ รายจ่าย เพราะจะทำให้เราเห็นรอยรั่วว่าเราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง โดยเฉพาะคนทำงานประจำที่อาจจะสงสัยว่าเงินที่ได้มาหายไปกับค่าอะไร การจดบันทึกจะทำให้เราเห็นภาพมากขึ้น เริ่มต้นที่รายรับ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้างพิเศษ โบนัส ฯลฯ ต่อมาที่รายจ่ายหรือค่าใช้จ่าย แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ค่าใช้จ่ายในการออม ค่าใช้จ่ายคงที่ และค่าใช้จ่ายผันแปร ค่าใช้จ่ายในการออม เป็นส่วนแรกเลยครับที่ต้องทำก่อน (ถ้าทุกคนเคยเคยได้ยินประโยคที่ว่า ออมก่อนเหลือค่อยใช้ เพราะถ้าให้เหลือใช้แล้วมาออม อาจจะไม่มีให้ออม) บางคนอาจจะมีข้อโต้งแย้งว่า แค่เงินเดือนก็ยังไม่พอใช้ จะให้ออมได้ยังไง อันนี้ผมเข้าใจเลย เพราะตอนตัวเองเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ได้เงินเดือนแค่ 17,900 บาทเองครับ แต่ผมก็เริ่มออมโดยยอดกระปุกวันละ 20 บาท ผมไม่ได้สนใจเลยว่าจะออมเยอะ หรืออมน้อย แต่สนใจที่ว่างเราได้เริ่มต้นทำและทำจนเป็นนิสัย เมื่อรายได้เพิ่ม นิสัยการออมของเรายังอยู่และสามารถออมเพิ่มขึ้นได้ ส่วนใครที่มีประสบการณ์และวินัยในการออมแล้วอาจจะไม่ต้องแนะนำอะไร (แต่ถ้าเป็นทฤษฎีที่พูดถึงเรื่องการออมเค้าก็จะบอกว่าให้ออม 10% ของรายได้และเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนได้ครับ) ค่าใช้จ่ายคงที่ เช่นค่าผ่อนหรือเช่าบ้าน/คอนโด, ค่าเดินทาง ฯลฯ เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายคงที่ทุกเดือน ค่าใช้จ่ายผันแปร เช่น ค่าอาหาร, ค่าน้ำ/ค่าไฟ, ค่าโทรศัพท์, ท่องเที่ยว, ปาตี้,ช้อปิ้ง […]

ถ้ามีประกันสุขภาพ 2 เล่มจาก 2 บริษัทจะมีข้อดี ข้อด้อยยังไงบ้าง

มีหลายท่านมาปรึกษาอู๋เกี่ยวกับการทำประกันสุขภาพ มีคำถามจากพี่ท่านนึงน่าสนใจและอยากจะเอามาแชร์ให้กับทุกคนไว้พิจารณาครับ “มีประกันสุขภาพ 2 เล่มจาก 2 บริษัทมีข้อดี ข้อด้อยยังไงบ้าง“ เริ่มจากข้อดีก่อนนะครับ ถ้าเรามีประกัน 2 เล่มต้องดูความความคุ้มที่ทำไว้ครอบคลุมทั้งหมดรึป่าว บางท่านทำไว้นานแล้ว แต่ไม่ใช่แบบเหมาจ่าย หรือเหมาจ่ายแบบไม่สุด ยังมีข้อจำกัดบางหมวด และได้ทำของอีกบริษัทนึงไว้ แบบนี้เมื่อเบิกจากที่แรก ก็สามารรถมาเบิกต่อบริษัทที่ 2 ได้ครับ กรณีทำไว้ 2 บริษัทเพื่อกระจายความเสี่ยงเรื่องการเคลม กลัวว่าจะมีบริษัทที่ไม่จ่ายหรือขอตรวจสอบก่อนก็จะได้ยื่นอีกบริษัทนึง (แต่จะถือว่าเป็นข้อดีก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเงื่อนไขการเคลมแต่ละบริษัทก็จะคล้ายๆ กัน ถ้าไม่ได้มีปกปิดหรือเป็นมาก่อนบริษัทประกันก็จ่ายให้ตามปกติครับ แต่อาจจะมีเกณฑ์ของแต่บริษัทเรื่องการจ่ายอันนี้ผมไม่ทราบเกณฑ์ของแต่ละที่ ไม่ขอออกความเห็นความ) มาดูข้อด้อยกันบ้างครับ ถ้าเราทำประกันไว้ 2 บริษัทข้อเสียคือจะต้องจ่ายเบี้ย 2 ก้อนซึ่งอาจจะสูงกว่าเลือกทำที่เดียวให้จบไปเลย เลือกบริษัทที่วงเงินความคุ้มครองครองคลุมมากที่สุด เพราะไม่มีของที่ไหนจะดีหมดทุกด้านครับ แต่เลือกที่ปิดความเสี่ยงหรือเราต้องจ่ายส่วนต่างน้อยสุดดีกว่า ซึ่งประกุนสุขภาพมาตาฐานใหม่ (Nwe Health Standard) ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเหมาจ่ายค่อนข้างครอบคลุม การเคลมอาจจะนานกว่าปกติ เพราะโรงพยายาลจะยื่นเคลมทีละบริษัท และรอบริษัทแรกเคลมเสร็จเหลือวงเงินเท่าไหร่ที่เบิกไม่ได้ค่อยมายื่นเคลมต่อบริษัทที 2,3,4 ไปเรื่อยๆ เพราะบริษัทประกันจะจ่ายค่ารักษาตามบิลที่เหลือให้กับโรงพยาบาล (ประกันสุขภาพจะเบิกทุกที่ทั้งหมดไม่ได้ แต่อาจจะมีบางประกันกลุ่มหรือบางบริษัทที่ให้ประกันกลุ่มกับพนักงานให้สิทธิเบิกซ้ำซ้อนได้) ถ้ามีประกันสุขภาพแล้วกับอีกบริษัทนึง อยากทำใหม่มีคำแนะยังไงบ้าง […]

ประกันสะสมทรัพย์แบบลงทุน มีโอกาสได้ผลตอบแทน คุ้มครองเงินต้น ลดหย่อนภาษีได้

แผนนี้ประกันแบบนี้เป็นหมวดประกันสะสมทรัพย์ครับ ไม่ใช่ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) แต่เรียกว่า “สมาร์ทลิงค์” คือบริษัทเป็นคนบริหารจัดการมีการเอาเงินไปลงทุนที่เป็นกองทุนหรือสินทรัพย์ที่หน่วยลงทุนอื่นอีกที โดยยังคงให้ความคุ้มครองเหมือนประกันชีวิตแบบเดิม คุ้มครองเงินต้น และมีส่วนที่พิเศษเพิ่มเข้ามาคือ โอกาสได้รับผลผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปแบบเงินปันผล เรียกได้ว่าตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย คุ้มครองกรณีเสียชีวิต คุ้มครองเงินต้นและจ่ายเงินคืนตามแบบประกัน ลดหย่อยภาษีได้เต็มจำนวนจากเบี้ยที่จ่าย รายละเอียดแผน ประกันชีวิตทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้แบบ 3 in 1 ในกรมธรรม์เดียว ทั้งในส่วนของความคุ้มครองชีวิต การันตีเงินจ่ายคืนระหว่างสัญญา และโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปของเงินปันผลผ่านดัชนี GS Momentum Builder® Multi-Asset 5S ER ให้คุณมั่นใจได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ โอกาสลงทุนในดัชนีระดับโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี ประกันชีวิตรูปแบบใหม่ ที่ไม่ได้ล็อคอัตราผลตอบแทนเหมือนประกันชีวิตรูปแบบเดิมๆ แต่เปิดโอกาสรับผลตอบแทน(Upside gain) ผ่านดัชนี GS Momentum Builder® Multi-Asset 5S ER การันตีเงินที่จ่ายไม่สูญหาย มั่นใจได้ว่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายจะยังอยู่ครบ เมื่อครบกำหนดสัญญา การันตีมีเงินคืนแน่นอน รับเงินคืนทุกๆ 2 ปีกรมธรรม์ ปีละ 5% ครบกำหนดสัญญาได้รับเงินก้อน 600% ช่วยให้การบริหารเงินเป็นเรื่องง่าย […]

หมดยุคอาชีพเดียวเพราะเงินไม่พอใช้ต้องมีอาชีพที่สอง! | มีเรื่องมาเล่า

หลายคนน่าจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า “หมดยุคอาชีพเดียวเพราะเงินไม่พอใช้ต้องมีอาชีพที่สอง” กันมาบ้างแล้ว อู๋เองก็เป็นคนนึงที่ได้ยินคำนี้และตามหาอาชีพที่ 2 เหมือนกัน ย้อนไปเมื่อ 7 ปีก่อนตอนที่อู๋ยังทำงานประจำเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งและอยากได้ประกันสุขภาพแบบ OPD เพราะวันนั้นยังไม่ผ่านโปรและไม่อยากไปใช้โรงพบาบาลประกันสังคมที่ต้องเดินทางไกลและรอคิวนานจึงอยากได้ประกันสุขภาพสักฉบับเพื่อไปรักษาโรงพยาบาลเอกชน จากที่เปรียบเทียบดูหลายๆที่ก็เจอของเมืองไทยประกันชีวิตที่มีวงเงิน OPD ต่อครั้งที่สามารถเบิกได้ 30 ครั้งต่อปี ช่วงนั้นยังต้องสำรองจ่ายและเห็นว่ามีสาขาในห้างหลายที่ๆ เราสามารถเดินเข้าไปยื่นเอกสารได้เลย และอีกเหตุผลนึงเพราะเพื่อนเป็นตัวแทนอยู่ที่นี่เลยปรึกษาและทำกับเพื่อน หลังจากที่ได้กรมธรรม์และเปิดดูก็เจอข้อมูลในหน้าที่เขียนอธิบายสัญญาหลัก สัญญาเพิ่มเติม คำอธิบายเต็มไปหมดอ่านแล้วก็งง อยากจะรู้ว่ารายละเอียดเป็นยังไงเลยถามเพื่อนว่าในบริษัทมีเปิดสอน เปิดอบรมหรือให้เรียนเรื่องพวกนี้ไหม เพื่อนเลยให้สอบขอใบอนุญาตตัวแทนและได้เข้าไปเรียน ไปอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่เมืองไทยประกันชีวิตมีฝ่ายฝึกอบรบที่เรียกว่า Academy มีหลักสูตรให้เลือกเรียนเยอะมาก ทั้งภาษี การออมเงิน วางแผนการเงิน การลงทุน กองทุนรวม การพัฒนาตัวเอง จิตวิทยา ฯลฯ ตรงกับที่ตัวผมสนใจอยากเรียนพอดีแถมยังเรียนฟรีไม่เสียเงินสักบาท ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ก็เรียนไปเกือบร้อยหลักสูตรแล้ว หลังจากที่ได้เริ่มเรียน ก็ทำให้เห็นความสำคัญของประกันและการออมเงินมากขึ้นประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงวัยรุ่นอายุ 20 ปลาย ไลฟ์สไตล์ช่วงกำลังใช้เงินพอดี ทั้งการเข้าสังคม ท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง เจอเพื่อนๆ แต่ลำพังเงินเดือนที่ได้แต่ละเดือนยังใช้เดือนชนเดือน ในวันนั้นผมคิดว่าคงต้องมีอาชีพที่ 2 แล้วแหละและสิ่งที่ได้ไปเรียน ไปอบรมการเงินก็สามารถต่อยอดเพื่อหารายได้เสริมได้พอดี ในช่วงแรกได้ทำงานประจำควบคู่กับการเป็นตัวแทนมีทั้งสมหวัง และผิดหวัง […]

1 2 3 50