สถานการณ์สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย

ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว!  ค่าใช้จ่ายหลักของผู้สูงอายุสูงถึงหลักหมื่นต่อเดือน แต่รายได้กลับไม่พอใช้!? 1) สถานการณ์ผู้สูงอายุในประเทศไทย (ประมาณการปี 2567) จำนวนและสัดส่วนผู้สูงอายุ : ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2564 และปี 2567 คาดว่าจำนวนผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มีมากกว่า 13 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมด (จากประชากรไทยประมาณ 66–67 ล้านคน) การจำแนกผู้สูงอายุ: 60–69 ปี (ผู้สูงอายุระยะแรก) สัดส่วนประมาณ 60%, 70–79 ปี ประมาณ 30% และ 80 ปีขึ้นไป (ผู้สูงอายุระยะปลาย) ประมาณ 10% แนวโน้มในอนาคต: คาดว่าไทยจะเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-aged society) ภายในปี 2574 คือมีผู้สูงอายุเกิน 28% ของประชากร ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น ปัญหาการพึ่งพิงรายได้ […]

สรุป 21 ข้อคิดที่ได้จากหนังสือ “อยากรวยต้องคิดแบบที่คนรวยคิดก่อนที่เขาจะรวย”

สรุป 21 ข้อคิดที่ได้จากหนังสือ “อยากรวยต้องคิดแบบที่คนรวยคิดก่อนที่เขาจะรวย” สิ่งที่กำหนดชีวิตเราและกีดขวางสิ่งที่เราสามารถมีได้หรือมีไม่ได้คือ ความคิดของเราเอง อย่ายอมให้โชคชะตามากำหนดชีวิตว่าเราควรมีหรือไม่ควรมีอะไร อยากรวยเริ่มจากลองเปลี่ยนวิธีคิดและความเชื่อ เพราะความคิดและความเชื่อจะเป็นตัวกำหนดการกระทำ ทำให้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา หยุดจินตนาการและลงมือทำ ให้หาว่าความรวยหรือความฝันหรือเป้าหมายที่ต้องการจริงๆ คืออะไร และหาวิธีการหรือแผนการที่จะทำให้ความฝันนั้นเป็นจริง ไม่พอใจหรือพยายามยอมรับกับสิ่งที่มีอยู่ แต่พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ใช่การพยายามอยากได้อยากมีจนเกิดความทุกข์แต่เชื่อว่าตัวเองสามารถมีมากกว่าที่มีอยู่ตอนนี้  ไม่บ่น ไม่สนใจปัญหาและความลำบาก ไม่โทษคนหรือสิ่งสิ่งแวดล้อม ไม่ยอมรับกับโชคชะตา แต่พยายามหาวิธีเปลี่ยนแปลงตัวเอง เชื่อในกฏแรงดึงดูด เชื่อว่าถ้าเราคิดถึงสิ่งใด เราจะพยามยามและหาวิธีทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้นให้ได้และจะดึงดูดคนที่คิดเหมือนกันเข้ามา  ไม่คิดว่าความรวยหรือความโชคดีเกิดจากโชคช่วย แต่จะพยาบามทุกทำอย่างด้วยตัวเอง ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆ โดยเฉพาะเงินทอง ทุกอย่างล้วนต้องลำบากและมีอุปสรรค มองถึงเป้าหมายระยะไกลมากกว่าเป้าหมายระยะสั้น และทำงานอย่างมีเป้าหมาย มองลึกลงไปว่างานนั้นได้เรียนรู้อะไรบ้างและจะเอาไปต่อยอดอะไรในอนาคตได้บ้าง ทำงานด้วยความทุ่มเท ทำงานอย่างหนักและทำแบบฉลาดด้วย คือรู้ว่างานไหนหรือที่ไหนที่ทำและจะเติบโต ถ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถและมีคุณค่า แต่ที่ทำงานนั้นไม่มีโอกาสให้ได้เติบโตก็ไปหางานใหม่ที่เหมาะสมดีกว่า พัฒนาตัวเองให้คู่ควรกับเงินและงานที่ควรได้รับ ไม่นั้งรอโชคหรือโอกาสที่คนอื่นจะมอบให้แบบเริ่มจากการขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่กลัวความผิดพลาด ไม่กลัวความล้มเหลว แต่กล้าที่จะลองทำ  ไม่เชื่อเรื่องความมั่นคงในชีวิตว่ามีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นงานที่มั่นคง สถานะการเงินที่มั่นคง เพราะทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงได้ วันนึงงานที่ทำอาจจะไม่ได้ทำเป็นที่ต้องการของตลาดหรือเงินที่มีอยู่หากใช้ไปเรื่อยๆ ก็อาจจะหมดได้ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างและมองความโอกาสต่างๆที่จะช่วยเหลือคนอื่น และขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเมื่อจำเป็น ยิ่งเริ่มทำสิ่งที่ต้องการตอนอายุน้อย หรือยังไม่มีภาระทางครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ มีโอกาสมากกว่า เพราะถ้าทำแล้วผิดพลาด […]

เผยความลับ 8 วิธีคิดของคนรวย

เผยความลับ 8 วิธีคิดของคนรวย  ใครก็สามารถเป็นคนรวยได้ทั้งนั้น ไม่ใช้เรื่องของพรสวรรค์ มันก็เหมือนการสอบ การฝึกทักษาต่างๆ เช่น การขับรถ การใช้คอมพิวเตอร์ การทำอาหาร ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์หรือเรียนสูงก็ทำได้ วางแผนสร้างทรัพย์สินที่นอกเหนือจากเงินเดือน. ไม่ได้คิดว่าทำงานในบริษัทที่ดีแล้วจะเป็นคนรวยเป็นความเข้าใจที่ผิด นอกเหนือจากเงินเดือนแล้ว จะต้องมีเงินสดเพิ่มเข้ามาจากกำไรและทรัพย์สินด้วย ต้องให้เงินไหลเหมือนน้ำ การใช้เงินสำคัญพอๆ กับการเก็บเงิน ถ้าเอาแต่เก็บเงินอย่างเดียวอาจะเกิดผลค้างเคียงได้เพราะการไหลของเงินถูกปิดกั้น สติปัญญาในการใช้เงินให้เกิดประโยชน์คือสิ่งสำคัญ ต่อให้มีเงิน ​100 ล้าน แต่ถ้าไม่มีความสามารถในการจัดการกับมัน ก็ไม่สามารถรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ได้ ถ้าคนรวยอยากจะใช้ชีวิตต่อไปแบบคนรวยจะต้องมีสติปัญญาในการใช้เงินด้วย อ่อนไหวกับการใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง จะเงิน 1 วอนหรือ 100 ล้านวอน กฏคือไม่จ่ายเงินกับสิ่งที่ไร้เหตุผล จะยอมให้เงินรั่วไหลไม่ได้ ซื้อหาทรัพย์สินแล้วครุ่นคิดวิธีที่จะใช้เงินเพิ่มพูน  จะกู้ซื้อบ้านหรอ มันไม่ต่างอะไรกับเอาเงินเดือนเราไปให้ธนาคารเลยนะ คงต้องคิดหาวิธีที่จะเอาหนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ทำให้เกิดการไหลของเงินสดดีกว่า ตั้งเป้าหมายว่าจะหาเงินให้ได้ 100 ล้านวอนภายใน 5 ปี เริ่มจากวันนี้ทำให้สิ่งที่เราทำได้ก่อน ลองเริ่มต้นเก็บเงินแล้วแปะรูปบ้านที่อยากได้ในบนกำแพง แยกเรื่องเงินกับความรู้สึกออกจากกัน ไม่ใช้เงินตามอารมณ์ในแต่ละวัน ก่อนจัดการเรื่องเงินจำเป็นต้องมองเข้าไปในใจเราเสียก่อน ถ้าเราไม่สามารถจัดการกับจิตใจเราได้ ผลดีที่เกิดจากการจัดการเงินก็จะอยู่กับเราได้ไม่นาน จากหนังสือ สมองคนรวย สมองคนจน […]

8 เคล็ดลับนิสัยของคนรวย

8 เคล็ดลับนิสัยของคนรวย ตั้งเป้าหมายที่เล็กและปฏิบัติจริง กำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้และสัมผัสความสำเร็จไปทีละขั้นแล้วค่อนๆก้าวขึ้นไป เรียกสิ่งนี้ว่า “นิสัยผู้ชนะ” ทำงานแบบคูณเพิ่ม  เลือกทำงานแบบคูณเพิ่ม เช่น ไอเดียธุรกิจ เนื้อหา (Content) การลงทุน ฯลฯ ที่สร้างขึ้นครั้งเดียวแต่สามารถทำซ้ำได้อีกซึ่งไม่ใช่การขายเวลา แต่หาเงินดวยการนำเสนอคุณค่าที่คนทั่วไปต้องการ จ่ายเงินซื้อเวลา การวางแผนคือสิ่งที่สำคัญ ต้องหาให้เจอว่าสิ่งที่เราคิดว่ามีคุณค่าคืออะไร แล้วสงวนเวลาไปใช้เพื่อเป้าหมายนั้น โดยสงวนเวลาเพื่อตัวเองก่อนแล้วค่อยทำงานอื่นๆ โต๊ะสะอาดเรียบร้อย เพราะพื้นที่ว่างเปรียบกับสมองของคน โต๊ะทำงานก็เช่นกัน คนที่เป็นระเบียบข้างในสมองก็จะเป็นระเบียบด้วย ประเมินตัวเองและรู้จักขอบคุณ หนึ่งในนิสัยที่สำคัญซึ่งคนรวยพยายามทำเพื่อจะได้รวยมากขึ้นก็คือการรักษาใจที่รู้สึกขอบคุณ จัดการกิ่งไม้เล็กๆ แล้วจดจ่อกับงานสำคัญเพียงงานเดียว ถ้าอยากเป็นคนที่หาเงินได้ สร้างผลงานได้ก็ต้องมีความสามารถที่จะตอบว่า “ไม่” ดูเป็นเหมือนเรื่องเล็กน้อยแต่เป็นนิสัยที่สำคัญมาก คนรวยค้นหาความเร็ว คนรวยมีแนวคิดเหมือนกันคือ เวลาได้ฟังเรื่องดีๆ จากเพื่อนร่วมงานหรือรุ่นพี่แล้วตัวเองอยากทำก็จำเริ่มต้นงานนั้นด้วยความเร็วที่เหนือกว่าใคร จดบันทึกและทำสมองให้ว่าง  คนที่ประสบความสำเร็จจะพยายามทำให้สมองอยู่ในสภาวะที่ใช้งานได้ดีที่สุดเพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จ จากหนังสือ สมองคนรวย สมองคนจน มย็องจ็องซ็อน (Economad) เขียน, อาสยา อภิชนางกูร แปล =============== “ดูแลเงินของคุณอย่างมืออาชีพ” ประสบการณ์ให้คำปรึกษามากว่า 1,000 เคสและลูกค้ากว่า 300 คน […]

5 โรคฮิตของชาวออฟฟิศวัย 25-35 ปี

สวัสดีครับทุกคน ชีวิตการทำงานนั้นเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ แน่นอนว่าการทำงานนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เราได้ challenge ตัวเอง ได้หาประสบการณ์และเพิ่มความรู้ ทักษะต่างๆ หลายคนอาจสนุกกับเรื่องงาน แต่การทำงานนอกจากด้านดีแล้วก็มีด้านเสียด้วยเช่นกัน ตัวผมนั้นทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านสาทร และจากการสังเกตุพบว่าพนักงานที่นี่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงวัย 25-35 ปี ผมมักได้ยินการบ่นถึงอาการต่างๆที่เกิดจากการทำงานในออฟฟิศ และผมเชื่อว่าหนุ่มๆ สาวๆ หลายคนเคยเผชิญกับโรคออฟฟิศเหล่านั้นโดยบางทีเราไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ซึ่งบทความนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ 5 โรคฮิตของชาวออฟฟิศวัย 25-35 ปี กันครับ ว่ามีอะไรบ้าง และจะป้องกันได้อย่างไร 1) โรคออฟฟิศซินโดรม เพื่อนๆ เคยมีอาการเหล่านี้กันบ้างไหม ปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกายร่างกายอ่อนแรง มีอาการชาตามบริเวณแขนและมือ ฯลฯ หากมีอาการเหล่านี้หมายความว่าเพื่อนๆ กำลังเผชิญกับโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คือ โรคชนิดหนึ่งที่เกิดจากพฤติกรรมของชาวออฟฟิศ อาจเป็นการนั่งทำงานด้วยท่าที่ไม่เหมาะสม อยู่หน้าคอมในท่าเดิมทั้งวันติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยไม่มีการพักเบรค หรือพักผ่อนยืดร่างกาย ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อมีอาการหดเกร็ง และกล้ามเนื้อบางส่วนถูกยืดค้างอยู่ในท่าเดิม ทำให้มีอาการปวดตามกล้ามเนื้อ และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของเพื่อนๆ ในระยะยาวอีกด้วย 2) โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดจากการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานจน ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่าเอสเชอริเชีย โคไล […]

1 2 3 8