MTL Click ครอบคลุมทุกบริการ สะดวก ครบ จบในแอปเดียว

มาแล้วครับ MTL Click เวอร์ชั่นอัพเดท 2025  (9/7/2568) วันนี้สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้ง่ายมากกว่าเดิม บนมือถือผ่านแอป MTL Click ทั้งเวอร์ชั่น iOS และ Android ในหน้าแรกของแอปก่อนเข้าสู่ระบบจะมีบริการค้นหาโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ สามารถดูได้ทั้งแบบแผนที่ เพื่อดูว่ารอบๆ ตัวเรามีโรงพยาบาลไหนบ้าง ดูแบบชื่อลิสรายชื่อโรงพยาบาลหรือพิมพ์ค้นหาก็ได้ นอกจากนี้ยังมีบัตรประกันสุขภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้แสดงให้กับโรงพยาบาลเช็คสิทธิเมื่อเข้ารักษาไม่ต้องพกบัตรแบบแข็งอีกต่อไปแล้วเมื่อล็อกอินเข้าสู่ระบบแล้วเลือกเมนู สามขีดด้านล่างขวาจะแสดงเมนูทั้งหมด  หน้าแรก บริการต่างๆ ที่สำคัญ เช่น ดูพอร์ตการลงทุน, จ่ายเบี้ยประกัน, ดาวน์โหลกหนังสือรับรองการจ่ายเบี้ยหรือเล่มกรมธรรม์, ผูกบัญชีรับเงินคืน, เช็คมูลค่าเงินกู้ของกรมธรรม์ และอื่นๆ ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจหรือบริการใหม่ๆ ที่บริษัทมี, นิตยาสารอิเล็กทรอนิกส์ และเช็คสิทธิพิเศษวันเกิดที่ลูกค้าได้รับ กรมธรรม์ของฉัน ข้อมูลกรมธรรม์ทั้งหมดที่มีกับบริษัทและแยกเป็นหมวดหมู่ตามความคุ้มครอง เช่น ประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, ประกันโรคร้ายแรง, ประกันอุบัติเหตุ, ประกันกลุ่ม ฯลฯ ข้อมูลความคุ้มครองชีวิตทั้งหมดที่มีและแยกตามกรมธรรม์ ข้อมูลการจ่ายเงิน เช่น เงินปันผลจากกองทุน, เงินเงินตามสัญญา, เงินค่าสินไหม เมืองไทย Smile Club […]

เมืองไทย แฮปปี้ รีเทิร์น 99/9 (มีเงินคืน)

 อายุรับประกันภัย : 30 วัน – 80 ปี  ระยะเวลาคุ้มครอง : ครบอายุ 99 ปี   ระยะเวลาชำระเบี้ย : 9 ปี   การซื้อประกันชีวิตคือการซื้อความสบายใจให้กับตัวเราเอง และซื้อความมั่นคงให้กับคนที่เรารักเท่าชีวิต รายละเอียดแผน จ่ายเบี้ยเพียง 9 ปี คุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี รับเงินคืนทุกปีๆละ 9% ตั้งแต่ปีที่ 1 ถึงอายุ 98 ปี ครบสัญญารับเงินก้อนตอนอายุ 99 ปี คุ้มครองชีวิตสูงสุดถึง 900%* หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รับความคุ้มครองเพิ่มเป็น 2 เท่า สูงสุดถึง 1800% ของทุนประกัน ลดหย่อนภาษีได้ (ตามสัดส่วนของเบี้ยประกัน) จ่ายเบี้ยผ่านบัตรเครดิตได้ เหมาะสำหรับ พ่อแม่ที่อยากทำประกันชีวิตเป็นมรดกของตัวเอง ทิ้งเงินก้อนหรือเงินค่าจัดงานศพไว้ให้ลูกเมื่อตัวเองเสียชีวิต ลูกๆ ที่ต้องการทำประกันชีวิตให้พ่อแม่ […]

เงินสำรองฉุกเฉินของมันต้องมี

หลังจากที่เริ่มวางต้นวางแผนการเงินโดยทำบัญชีรายรายรายจ่ายเพื่อตรวจสอบการใช้จ่ายของตัวเองไปเรียบร้อย (จากโพสก่อนหน้า) ขั้นตอนต่อมาที่จะต้องทำคือการเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินไว้ใช้เมื่อมีเหตุจำเป็น ซึ่งหลายคนอาจจะมีคำถามว่า ทำไมทำไมต้องมีส่วนนี้ด้วย เงินออมสำรองฉุกเฉินเอามาจากไหน? จากโพสก่อนหน้า หลังจากที่เรามีรายได้เข้ามาก่อนใช้ออมไปจะต้องออมก่อนใช่ไหมครับ เงินสำรองฉุกเฉินก็สามารถกันมาจากเงินออมส่วนนี้ได้ หรือจะแยกออกมาออมอีกต่างหากก็ได้ ออมฉุกเฉินไปเพื่อออะไร? ผมขอแยกเป็น 2 แบบคือฉุกเฉินเบาและฉุกเฉินหนักเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นครับ ฉุกเฉินเบา เคยเจอไหมครับ อยู่ๆ บางเดือนก็มีเหตุให้ใช้เงินนอกเหนือจากรายจ่ายประจำเดือน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าก็พัง รถก็มีปัญหา ซ่อมแซมบ้าน ไม่อยู่ในแผนค่าใช้รายเดือนที่เตรียมไว้ จึงต้องมีเงินสำรองสำหรับส่วนนี้ด้วย บางท่านบอกว่าในสมัยนี้สะดวกมากขึ้นเพราะสามารถใช้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสนใจการผ่อนได้แล้ว แต่อย่าลืมกว่า เงินที่รูดหรือกดมาใช้ยังไงก็ต้องคืนอยู่ดีซึ่งก็ต้องไปหักจากรายได้ สำหรับฉุกเฉินหนักอาจจะไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อย แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วอาจจะสร้างผลกระทบที่รุนแรง เช่น บริษัทปรับเปลี่ยนโครงสร้างทำให้ต้องออกจากงาน ครอบครัวมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ หรือช่วงหลายปีที่ผ่านมาโควิดระบาดทำให้หลายคนต้องตกงาน หรือบริษัทปิดโดยไม่ทันได้เตรียมตัว ถ้ามีเงินสำรองฉุกเฉินเพียงพออาจจะให้เรายังพออยู่ได้แบบไม่ลำบาก หรือถ้ามีเงินสำรองฉุกเฉินไว้บางส่วนก็ยังพอมาบรรเทาค่าใช้จ่ายที่จำเป็นก่อนได้ ต้องมีเงินออมสำรองฉุกเฉินเท่าไหร่ถึงจะพอ? ถ้าจะให้บอกเป็นตัวเลขหรือเปอร์เซ็นต์ก็คงยาก เพราะแต่ละคนมีรายได้ ค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน รายจ่ายของบางคนที่มองว่าไม่จำเป็นแต่กลับเป็นสิ่งจำเป็นของอีกคน ถ้าจะต้องเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินให้พออยู่ได้ในช่วงวิกฤตอาจจะประมาณ 6 เดือนของค่าใช้จ่ายจำเป็นก่อน หากมีมากกว่านั้นก็ค่อยเพิ่มให้ถึง 12 เดือน แต่ไม่ควรสูงกว่านี้และจะต้องเก็บไว้ในเครื่องการออมที่สามารถเอาออกมาใช้ได้ง่าย เช่น บัญชเงินฝากออมทรัพย์ที่ถอนมาใช้ได้ทันทีที่จำเป็น

เริ่มต้นวางแผนการเงินด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่าย

ในการเริ่มต้นบริหารจัดการเงินหรือวางแผนการเงินสิ่งสำคัญมากคือการจดรายรับ รายจ่าย เพราะจะทำให้เราเห็นรอยรั่วว่าเราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง โดยเฉพาะคนทำงานประจำที่อาจจะสงสัยว่าเงินที่ได้มาหายไปกับค่าอะไร การจดบันทึกจะทำให้เราเห็นภาพมากขึ้น เริ่มต้นที่รายรับ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้างพิเศษ โบนัส ฯลฯ ต่อมาที่รายจ่ายหรือค่าใช้จ่าย แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ค่าใช้จ่ายในการออม ค่าใช้จ่ายคงที่ และค่าใช้จ่ายผันแปร ค่าใช้จ่ายในการออม เป็นส่วนแรกเลยครับที่ต้องทำก่อน (ถ้าทุกคนเคยเคยได้ยินประโยคที่ว่า ออมก่อนเหลือค่อยใช้ เพราะถ้าให้เหลือใช้แล้วมาออม อาจจะไม่มีให้ออม) บางคนอาจจะมีข้อโต้งแย้งว่า แค่เงินเดือนก็ยังไม่พอใช้ จะให้ออมได้ยังไง อันนี้ผมเข้าใจเลย เพราะตอนตัวเองเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ได้เงินเดือนแค่ 17,900 บาทเองครับ แต่ผมก็เริ่มออมโดยยอดกระปุกวันละ 20 บาท ผมไม่ได้สนใจเลยว่าจะออมเยอะ หรืออมน้อย แต่สนใจที่ว่างเราได้เริ่มต้นทำและทำจนเป็นนิสัย เมื่อรายได้เพิ่ม นิสัยการออมของเรายังอยู่และสามารถออมเพิ่มขึ้นได้ ส่วนใครที่มีประสบการณ์และวินัยในการออมแล้วอาจจะไม่ต้องแนะนำอะไร (แต่ถ้าเป็นทฤษฎีที่พูดถึงเรื่องการออมเค้าก็จะบอกว่าให้ออม 10% ของรายได้และเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนได้ครับ) ค่าใช้จ่ายคงที่ เช่นค่าผ่อนหรือเช่าบ้าน/คอนโด, ค่าเดินทาง ฯลฯ เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายคงที่ทุกเดือน ค่าใช้จ่ายผันแปร เช่น ค่าอาหาร, ค่าน้ำ/ค่าไฟ, ค่าโทรศัพท์, ท่องเที่ยว, ปาตี้,ช้อปิ้ง […]

ถ้ามีประกันสุขภาพ 2 เล่มจาก 2 บริษัทจะมีข้อดี ข้อด้อยยังไงบ้าง

มีหลายท่านมาปรึกษาอู๋เกี่ยวกับการทำประกันสุขภาพ มีคำถามจากพี่ท่านนึงน่าสนใจและอยากจะเอามาแชร์ให้กับทุกคนไว้พิจารณาครับ “มีประกันสุขภาพ 2 เล่มจาก 2 บริษัทมีข้อดี ข้อด้อยยังไงบ้าง“ เริ่มจากข้อดีก่อนนะครับ ถ้าเรามีประกัน 2 เล่มต้องดูความความคุ้มที่ทำไว้ครอบคลุมทั้งหมดรึป่าว บางท่านทำไว้นานแล้ว แต่ไม่ใช่แบบเหมาจ่าย หรือเหมาจ่ายแบบไม่สุด ยังมีข้อจำกัดบางหมวด และได้ทำของอีกบริษัทนึงไว้ แบบนี้เมื่อเบิกจากที่แรก ก็สามารรถมาเบิกต่อบริษัทที่ 2 ได้ครับ กรณีทำไว้ 2 บริษัทเพื่อกระจายความเสี่ยงเรื่องการเคลม กลัวว่าจะมีบริษัทที่ไม่จ่ายหรือขอตรวจสอบก่อนก็จะได้ยื่นอีกบริษัทนึง (แต่จะถือว่าเป็นข้อดีก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเงื่อนไขการเคลมแต่ละบริษัทก็จะคล้ายๆ กัน ถ้าไม่ได้มีปกปิดหรือเป็นมาก่อนบริษัทประกันก็จ่ายให้ตามปกติครับ แต่อาจจะมีเกณฑ์ของแต่บริษัทเรื่องการจ่ายอันนี้ผมไม่ทราบเกณฑ์ของแต่ละที่ ไม่ขอออกความเห็นความ) มาดูข้อด้อยกันบ้างครับ ถ้าเราทำประกันไว้ 2 บริษัทข้อเสียคือจะต้องจ่ายเบี้ย 2 ก้อนซึ่งอาจจะสูงกว่าเลือกทำที่เดียวให้จบไปเลย เลือกบริษัทที่วงเงินความคุ้มครองครองคลุมมากที่สุด เพราะไม่มีของที่ไหนจะดีหมดทุกด้านครับ แต่เลือกที่ปิดความเสี่ยงหรือเราต้องจ่ายส่วนต่างน้อยสุดดีกว่า ซึ่งประกุนสุขภาพมาตาฐานใหม่ (Nwe Health Standard) ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเหมาจ่ายค่อนข้างครอบคลุม การเคลมอาจจะนานกว่าปกติ เพราะโรงพยายาลจะยื่นเคลมทีละบริษัท และรอบริษัทแรกเคลมเสร็จเหลือวงเงินเท่าไหร่ที่เบิกไม่ได้ค่อยมายื่นเคลมต่อบริษัทที 2,3,4 ไปเรื่อยๆ เพราะบริษัทประกันจะจ่ายค่ารักษาตามบิลที่เหลือให้กับโรงพยาบาล (ประกันสุขภาพจะเบิกทุกที่ทั้งหมดไม่ได้ แต่อาจจะมีบางประกันกลุ่มหรือบางบริษัทที่ให้ประกันกลุ่มกับพนักงานให้สิทธิเบิกซ้ำซ้อนได้) ถ้ามีประกันสุขภาพแล้วกับอีกบริษัทนึง อยากทำใหม่มีคำแนะยังไงบ้าง […]

1 2 3 4 59