กองทุนรวมเพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (SSFX)

เปิดขายแล้ว กองทุนรวมเพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) โดยมีเงื่อนไขดังนี้ – เปิดขาย 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563 – ซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 200,000 – เป็นกองทุนที่ลงหุ้นไทยไม่น้อย 65% – มีระยะเวลาการถืออย่าง10ปี นับจากวันซื้อ – ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี ซื้อปีไหนใช้ลดหย่อนปีนั้น เรื่องที่เกี่ยวข้อง กองทุนลดหย่อนภาษีปี 2563 กองทุนรวมเพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) เปรียบเทียบกองทุน SSFX กับ SSF ข้อมูลกองทุนรวมของ บลจ. ต่างๆ บลจ. บัวหลวง SSFX/SSF : https://www.bblam.co.th/products/mutual-funds/9176 RMF : https://www.bblam.co.th/products/mutual-funds/retirement-mutual-fund บลจ. กรุงไทย SSFX/SSF/RMF : https://www.ktam.co.th/rmf-ltf.aspx บลจ. กรุงศรี SSFX/SSF : https://www.krungsriasset.com/TH/FundGroupDetail.html?gid=2767 RMF : https://www.krungsriasset.com/TH/FundGroupDetail.html?gid=113 บลจ.กสิกร […]

เอ็กตร้าแคร์ พลัส เพิ่มค่าห้องและค่ารักษา

ไม่มีงบสำหรับซื้อประกันสุขภาพแผนค่ารักษาสูง แต่อยากได้ค่าห้องสูง เมืองไทยประกันชีวิตทำได้ ด้วยเบี้ยที่ถูกว่า เคยเจอไหมครับอยากได้ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ารักษาสูง ให้พอกับนอนโรงพยาบาลเอกชน แต่ตัวแทนบอกต้องซื้อแผนค่ารักษาพยาบาลสูงเพราะแผนค่ารักษาพยาบาลสูงจะได้ค่าห้องสูงด้วย ทำให้เบี้ยแพงขึ้น ทั้งๆที่เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องเอาค่ารักษาสูงขนาดนั้น อยากประหยัดเบี้ยแต่เพิ่มค่าห้อง เมืองไทยประกันชีวิตช่วยได้ สัญญาเพิ่มเติมเอ็กตร้าแคร์ พลัส เพิ่มค่าห้องให้ให้เริ่มต้นที่ 2,000 บาท ไม่พอแค่นั้นยังได้ครับค่ารักษาพยาบาลเพิ่มอีก 200,000 บาท เบี้ยถูกกว่าซื้อประกันสุขภาพแผนค่าห้องสูง ตัวอย่าง พี่มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว ได้ค่าห้อง 3,000 บาท แต่ รพ. ที่เข้ารักษาค่าห้อง 5,000 บาททำให้มีค่าห้องส่วนเกิน 2,000 บาทต่อครั้ง จะซื้อประกันสุขภาพแผน ค่าห้อง 2,000 บาทเพิ่มก็ต้องจ่ายเพียยทั้งแผนเดิมและแผนใหม่ หรือจะซื้อประกันสุขภาพแผนใหม่แผนค่าห้อง 5,000 บาทก็เบี้ยแพง มา Top up ด้วยเอ็กตร้าแคร์พลัส เบี้ยประหยัดกว่า ได้ทั้งค่าห้อง ได้ทั้งค่ารักษาพยาบาล แผน 1 ค่าห้อง 2,000 บาท – เงินประกันกรณีเสียชีวิต 200,000 บาท […]

5 ข้อที่ได้เรียนรู้ จากสถานการณ์โรคระบาด

ขอยกสโลแกนใหม่ของเมืองไทยประกันชีวิตที่ว่า สุขหรือทุกอยู่ที่มุมมอง “Happiness Means Everything เพราะความสุขคือทุกอย่าง” มาพูดถึงในช่วงไวรัสระบาดแบบนี้หน่อยครับ เชื่อว่าหลายคนคงทุกข์มากกว่าสุขกันอยู่ แต่อย่ามัวแต่ทุกข์อย่างเดียว ลองมองหาว่าจากเหตุการณ์นี้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง เพื่อที่จะได้นำไปเป็นบทเรียนและประสบการณ์ในวันข้างหน้ากันครับ 1) เงินสำรองฉุกเฉินสำคัญมาก ถ้าใครติดตามเพจนี้คงจะเคยได้ยินผมพูดถึงเงินสำรองฉุกเฉินบ่อยๆ ที่ผมยกเรื่องนี้มาเล่าเพราะครั้งนึงตัวเองเคยเป็นคนที่ใช้เงินแบบไม่คิด ได้เงินมาก็ใช้จนหมด ไม่ได้คิดจะเป็นเพราะเงินเดือนมีเข้ามาทุกเดือน ทำงานก็เหนื่อยแล้วขอใช้ก่อน วันนึงเป็นหนี้บัตรเครดิต กลายเป็นว่าเงินเดือนที่ได้ต้องเอาไปใช้ค่าบัตร แล้วก็มีรายจ่ายที่จำเป็นจริงๆ เข้ามา ตอนนั้นมืดแปดด้านไปหมด ไปยืมคนอื่นก็ไม่กล้าเพราะโตๆ กันแล้ว หลังจากเริ่มหาวิธีใช้หนี้ได้หมด ตอนนี้ไม่ว่าจะซื้อจอะไรก็จะคิดก่อน เพราะไม่อยากไปอยู่จุดนั้นอีก ศึกษาวิธีวางแผนการเงินจนรู้ว่าวิธีการที่จะมีเงินใช้แบบไม่ติดขัด มีเงินใช้แบบสบาย มีเงินใช้ยามที่รายได้ไม่แน่นอน ก็คือเราต้องมีเงินสำรองฉุกเฉินสักก้อน ถามว่าทำไมต้องมีเงินสำรองขอยกตัวอย่าง เช่น วันนึงถ้าเราขับรถไปแล้วยางแตกต้องเปลี่ยนยาง ถ้าไม่มีเงินสำรองตรงนี้จะเอาเงินที่ไหน วันนึงถ้าตกงานแบบไม่ทันตั้งตัว ถ้าไม่มีเงินสำรองตรงไหนจะเอาเงินที่ไหนมาใช่ วันที่เจ็บป่วยต้องไปหาหมอจะเอาเงินที่มาเป็นค่ารักษา 2) ประกันสุขภาพคือสิ่งจำเป็น นอกจากเงินที่ต้องมีแล้ว สุขภาพก็ต้องดีด้วยเหมือนคำคมที่ว่า ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ถ้าเรามีเงินมากมายแต่สุขภาพไม่ดีก็คงไม่มีความสุขเพราะไม่มีอารมณ์ที่จะไปใช้เงินใช้ หลายคนอาจจะคิดว่าวันนี้อายุยังไม่เยอะ สุขภาพยังแข็งแรง ยังไม่มีความเสี่ยง ซึ่งก็เป็นความคิดที่ถูก แต่อยากจะบอกว่าบางโรคไม่ได้รอให้อายุเยอะถึงจะเป็น วัย 30 ต้นๆ ตอนนี้ก็ตรวจเจอโรคมากมาย ตัวอย่างเพื่อนวัยเดียวกันกับผมตรวจเจอซีสที่มดลูก 2-3 […]

ทำอะไรดีในช่วง Work from home!!

ช่วงนี้หลายคนคงจะได้ทำงานอยู่ที่บ้านกันเพื่อหลีกเลี่ยงการออกไปพบเจอผู้คนข้างนอก แต่หลายคนยังคงต้องไปทำงานที่บริษัทอยู่ก็ดูแลตัวเองกันด้วยนะครับ สำหรับคนที่ทำงานอยู่ที่บ้านอาจจะมีเวลาเพิ่มขึ้นเพราะไม่ต้องรีบแต่งตัว ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไป เดินทางกลับ รวมๆ ก็น่าจะได้เวลาเพิ่ม 3-4 ชั่วโมง เวลา 2 สัปดาห์ มีเวลาเพิ่มมาเกือบ 40 ชั่วโมง ช่วงเวลานี้แหละทำให้เราได้ทำในสิ่งที่เคยคิดไว้ว่าจะทำแต่ยังไม่ได้ทำสักที มาดูว่ามีอะไรน่าทำบ้างกับเวลาที่ได้มา เรียนออนไลน์ หลายคนที่เคยวางแผนจะเรียนภาษาออนไลน์หรือเรียนเสริมอื่นๆ เพิ่ม ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว 40 ชม มากพอที่จะเรียนอะไรจบสัก 2 คอร์สได้ ใครอยากเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม รีบเรียนเลย ส่วนใครที่ไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรดี ลองไปหาคอร์สฟรีของจุฬาในเว็บนี้ได้ครับ มีคอร์สน่าสนใจเยอะมาก https://mooc.chula.ac.th/ รับรองว่ากลับไปทำงานต้นเดือนหน้าได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นแน่นอน หัดทำอาหาร/ล้างจาน ผมเคยอ่านบทความนึงมาเค้าบอกว่า การทำอาหาร การล้างจาน ล้างแก้วช่วยให้คลายเครียดได้ คนที่ทำงานอยู่ที่บ้านไม่ได้เจอใคร ไม่ได้ค่อยเคลื่อนไหวอาจจะเกิดความเครียดได้ ซึ่งผมเคยลองทำแล้วมันช่วยได้จริงๆ ถ้าเราลองทำอาหารกินเอง ได้เปิดคู่มือและทำตามสูตร ได้ลองชิม ได้พักสายตาจากหน้าคอมพิวเตอร์ หน้ามือถือ มาเป็นทำอาหารและล้างจานคงจะสนุกอีกแบบเพราะเวลาปกติแต่ละคนก็ต้องรีบไปทำงาน กลับมาก็ดึกจนไม่มีเวลาทำอาหารกินเอง จิบกาแฟ อ่านหนังสือ นั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือน่าจะเป็นความฝันของหลายคนเลย วันทำงานเราอาจจะไม่ได้มีเวลามานั่งชิลใช้ชีวิตสโลไลฟ์ แต่วันนี้เราได้ทำงานที่บ้านแล้ว เอาเวลา 1-2 ชั่วโมงของการเดินทางมาเปลี่ยนเป็นการอ่านหนังสือตอนเช้าและจิบการแฟไปด้วย […]

ยิ่งคนป่วยมากขึ้น เบี้ยประกันสุขภาพก็แพงขึ้น?

จากที่ติดตามข่าวมาตอนนี้ประกันทุกบริษัทยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและเสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าตามปกติ “แต่เมื่อใดที่ไวรัสโคโรน่าถูกประกาศให้เป็นโรครุนแรงหรือ ภาวะฉุกเฉิน เมื่อนั้นอาจจะเป็นโรคยกเว้นที่ไม่สามารถเบิกค่ารักษาได้หรือมีเงื่อนไขเพิ่มขึ้น” สิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้แต่รอดูสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นจริงแล้ว เนื่องมาจากประกันชีวิตและสุขภาพคือการเฉลี่ยภัยโดยประชากรที่ทำประกันสุขภาพเป็นบุคคลที่ถือว่าสุขภาพดี มีคุณสมบัติเหมือนกันจ่ายเบี้ยเข้ามา ใครที่มีเหตุฉุกเฉินต้องการใช้ค่ารักษาพยาบาล บริษัทก็จะให้เงินก้อนนี้ไป บริษัทไหนที่มีประชากรทำประกันสุขภาพน้อย เบี้ยน้อย แต่มีอัตราการเจ็บป่วยสูง ก็มีความเสี่ยงที่จะไม่มีเงินทุนตรงนี้มาจ่าย (จากหลักสูตรระบบประกันสุขภาพ MOOC Chula) ทีนี่ถ้ามาต่อที่ว่าถ้าไวรัสโคโรน่ากลายเป็นโรคที่ทุกคนมีความเสี่ยงทำไมบริษัทอาจจะต้องยกเว้นในการทำประกันสุขภาพ (ย้ำว่าเป็นความเห็นส่วนตัวโดยอ้างจากประกันสุขภาพเด็กช่วง 5 ปีที่ผ่านมา) ประกันสุขภาพเด็กมีการเคลมเยอะมาก เพราะเด็กเจ็บป่วยสูงกว่าผู้ใหญ่ ป่วยแล้วหายช้ากว่า เจ็บนิดเจ็บหน่อยพ่อแม่ก็พาไปโรงพยาบาล เมื่อก่อนเบี้ยประกันสุขภาพเด็กปีละ 10,000 ต้นๆ เข้าโรงเรียนทีเคลมไป 30,000-40,000 บาท บางคนเข้าโรงพยาบาลหมดไปเป็นแสน เกินค่าเบี้ยที่จ่าย และอัตราการเจ็บป่วยของเด็กที่ทำประกัน 100 คนจะเข้าโรงพยาบาลประมาณ 90 คน ทำให้เงินส่วนที่เราจ่ายเบี้ยมันเกินงบไปหมด จากการเฉลี่ยภัยของประชาชนที่จ่ายเบี้ยเข้ามากลายเป็นความรับผิดชอบของบริษัทที่จะต้องหาเงินมาจ่ายส่วนนี้ ปีที่ผ่านๆ มาหลายบริษัทปิดแผนประกันสุขภาพเด็กไปเลย บางบริษัทก็ปรับเพิ่มเบี้ยขึ้น บาที่ก็ขึ้นอีกอีก 100% คนที่ทำประกันสุขภาพให้ลูกแล้วก็โรคดีไป ส่วนคนที่เพิ่งจะเริ่มมองหาประกันก็ต้องคิดหนักเพราะเบี้ยแพงเหลือเกิน จากตัวอย่างประกันสุขภาพเด็กที่กล่าวไปจึงคาดการว่า ถ้าไวรัสโคโรน่าระบาดมากกว่านี้ ทุกคนมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและเจ็บป่วยมากขึ้นก็อาจเป็นไปได้ว่า บริษัทประกันอาจจะต้องทบทวนและมีแผนอะไรสักอย่างเดียวกับค่ารักษาพยาบาลของโรคไวรัสโคโรน่า ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเห็นแล้วว่าแผนประกันที่คนนิยมซื้อเริ่มปิดขาย หรืออกแผนใหม่ที่มีเงื่อนไขมากขึ้น คุ้มครองน้อยลง หากวันนี้ใครยังไม่มีประกันชีวิตและสุขภาพอยากให้เริ่มหาไว้ตอนที่เรายังแข็งแรงและสุขภาพดี เพราะในวันที่ป่วยและอยากทำประกันสุขภาพ บริษัทอาจจะไม่รับเราก็ได้ […]

1 31 32 33 34 35 51