รู้หรือไม่!! เงินฝากในธนาคารของคุณมีความคุ้มครองเท่าไหร่

[เขียนวันที่ 10 สิ.ค 2563] ใครที่มีเงินฝากส่วนใหญ่ไว้กับธนาคารอาจจะศึกษาและติดตามบทความนี้เพราะวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา สถาบันคุ้มครองเงินฝากปรับวงเงินที่คุ้มครองจาก 10 ล้าน เหลือ 5 ล้าน ถ้าธนาคารปิดกิจการก็จะได้เงินคืนบางส่วน มาดูเงื่อนไข วงเงินคุ้มครอง และประเภทของเงินฝากต่างๆที่ได้รับความคุ้มครองดูครับ ถ้าชอบบทความฝากกดไลท์ กดแชร์ แบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกันด้วยน้า ? ถ้าชอบบทความฝากกดไลท์ กดแชร์ แบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกันด้วยน้า ? การคุ้มครองเงินฝากคืออะไร? มาตรการของรัฐที่คุ้มครองประชาชนโดยหลักประกันให้ผู้ฝากว่า หากสถาบันการเงินถูกปิดกิจการ ผู้ฝากจะได้รับเงินฝากคืนตามวงเงินคุ้มครอง ภายใน 30 วัน ทั้งนี้ หากไม่มีการคุ้มครองเงินฝาก เมื่อสถาบันการเงิน ถูกปิดกิจการ ผู้ฝากจะต้องฟ้องร้องคดีเพื่อให้ได้รับเงินฝากคืนเอง และไม่มีกำหนดที่แน่นอนว่าจะได้คืนเมื่อไหร่ ใครทำหน้าที่คุ้มครอง สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เป็นหน่วยงานรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการคุ้มครองเงินฝาก ของประชาชน หากสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง ถูกปิดกิจการ คุ้มครองเท่าไหร่? สถาบันคุ้มครองเงินฝากได้ปรับลดวงเงินคุ้มครองลงโดย 3 ปีย้อนหลัง – วันที่ 11 ส.ค. 2561 – […]

เทคนิคออมเงินตามวัย…คน Gen ไหนออมแบบไหนเวิร์กสุด

เทคนิคออมเงินตามวัย…คน Gen ไหนออมแบบไหนเวิร์กสุด ไม่ว่าทุกคน จะอยู่ Gen ไหน ก็ใช้ชีวิตสนุกๆ ได้ หากเรารู้ว่ามีเงินออมเก็บไว้แบบไม่ต้องกังวลเมื่อยามจำเป็น เพราะเราฉลาดรู้ ฉลาดใช้ ฉลาดเก็บ ลองมาดูกันหน่อยว่าอายุการทำงานของคุณช่วงไหนควรเก็บเงินอย่างไรให้งอกเงยและไม่ลำบากเมื่อตอนสูงวัย โดยแบ่งเทคนิคการออมออกเป็น 4 ช่วงวัย ดังนี้ ช่วงอายุ 23-30 ปี วัยเริ่มทำงานหรือ First Jobber ช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ หลายคนยังไม่ค่อยอยากเก็บเงินสักเท่าไหร่ มักจะหมดไปกับสิ่งสวยงามและการท่องเที่ยว แต่คนวัยนี้สามารถแบกรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างๆได้ ยังมีแรงและเวลาในการหาเงิน การออมในช่วงวัยนี้จึงเหมาะกับการออมในหุ้นหรือตราสารหนี้ระยะยาว ที่ทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้ในอนาคต สามารถออมกับหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง แต่ยังคงต้องแบ่งเงินออมไว้กับธนาคารบ้างบางส่วนหรือออมเป็นประกันกันชีวิตแบบออมทรัพย์ที่มีเงินคืนระหว่างสัญญาด้วย ตราสารหนี้ ประกันชีวิตควบการลงทุน ช่วงอายุ 31-40 ปี เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยที่หน้าที่การงานเริ่มลงตัว มองเห็นอนาคตของตัวเองและมีเป้าหมายที่แน่นอนในชีวิต ภาระและหน้าที่ที่จะต้องใช้จ่ายเงินเริ่มมีมากขึ้นจากสมัยวัยรุ่น การออมเงินในช่วงวัยนี้ เหมาะกับการลงทุนในความเสี่ยงที่น้อยลงมา อย่างตราสารหนี้หรือหุ้นที่มีกำไรปันผล รวมถึงลงทุนในธุรกิจส่วนตัวเพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น นอกจากงานประจำที่ทำอยู่ และการออมในประกันชีวิตเพื่อกระจายการออมและสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี ประกันชีวิตควบการลงทุนลดหย่อนภาษี ตราสารหนี้ กองทุนรวม ช่วงอายุ 41-55 ปี ช่วงวัยที่มีความมั่นคงที่สุด แต่ก็เป็นช่วงที่มีภาระมากที่สุดเช่นกัน หลังจากใช้ชีวิตมาเต็มที่แล้วถึงเวลาที่จะต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบและหน้าที่มากมาย การออมในธนาคารและประกันชีวิต […]

4 ขั้นตอนสู่การมีอิสระทางการเงิน

อิสรภาพทางการเงิน เป็นคำฮิตที่เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่และมีอยู่จริงไหม ขอสรุปเป็นประโยคสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายดังนี้ครับ อิสระทางการเงินคือ การได้เงินมาโดยที่เราไม่ต้องทำงานให้ได้เงินในรูปแบบ Active Income เพียงอย่างเดียวแต่เป็นการสร้างรายได้แบบ Passive Income โดยเป็นรายได้อีกทางหนึ่งจากดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผล ผลตอบแทนจากการลงทุน ค่าเช่า เป็นต้น โดยเราไม่ต้องกังวลเรื่องรายได้ที่ไม่พอหรือค่าใช้จ่ายเรื่องไร้สาระ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นมาดูว่าต้องทำยังไงบ้างเพื่อให้มีอิสระทางการเงินกัน ทำบัญชีรายรับรายจ่าย การทำบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นขั้นตอนแรก ที่ควรเริ่มสำหรับผู้ที่อยากมีอิสระทางการเงิน ขั้นตอนนี้ควรควรจดรายรับทุกอย่างที่ได้แต่ละเดือน และรายจ่ายทุกอย่างเช่นกัน โดยรายจ่ายควรแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักคือ รายจ่ายประจำเช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าเดินทาง ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าใช้ค่าแปรผัน คือค่าใช้จ่ายที่บางเดือนมี บางเดือนไม่มีเช่น ค่าอาหาร ค่าสังสรรค์ ค่าซื้ออุปกรณ์ในบ้าน ค่าช้อปปิ้ง เหตุผลที่ต้องทำเพราะ เราจะได้ประมาณการได้ว่า แต่ละเดือนเรามีรายได้จากที่ไหนบ้างเฉลี่ยเดือนละเท่าไหร่ และมีรายจ่ายเดือนละกี่บาท โดยควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 1 ปี เผื่อให้เห็นภาพชัดเจน ถ้าไม่ทำขั้นตอนนี้ เราก็จะไม่รู้ว่าเงินที่ได้มาเอาไปใช้กับอะไรหมด และวางแผนไม่ได้ว่าควรมีรายได้เดือนละเท่าไหร่ถึงจะพอใช้โดยไม่ขัดสน ออมเงินให้ได้ 6 เท่าของค่าใช้จ่าย ขอย้ำอีกครั้งว่าการมีอิสระทางการเงินเพราะเราไม่อยากทำงานและยังมีเงินใช้โดยไม่ลำบาก หรือ อาจจะทำงานอยู่แต่ไม่ต้องทนทำงานที่เราไม่ได้รัก ไม่ต้องทำงานเป็นเวลา […]

ประกันชีวิตและสุขภาพสำหรับคู่รักเพศเดียวกัน (LGBT)

ปัจจุบันโลกเราเต็มไปด้วยความหลากหลาย ต่างเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม รวมทั้งความคิด มุมมอง ทัศนคติ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องความรัก…ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ ทุกวันนี้คู่รักไม่จำกัดให้อยู่เฉพาะเพศชายและเพศหญิงเท่านั้น เพราะ “เพศ” ไม่ใช่ข้อจำกัดสำหรับความรักอีกต่อไป เป็นเรื่องน่ายินดีที่ทุกวันนี้โลกเราก้าวไปไกลกว่านั้น ผ่านการเติมเต็มความต้องการขั้นพื้นฐาน และสิทธิบางประการที่พึงมีในฐานะคู่รัก เช่น การบริหารจัดการทรัพย์สิน ตลอดจนการทำประกันชีวิต ในเมื่ออนาคตคู่รักอาจจะไม่มีลูก หลานหรือคนที่ค่อยพึ่งพาและสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ค่ารักษาพยาบาล ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าท่องเที่ยว ฯลฯ ทำให้ต้องมีการวางแผนการเงินและสร้างรายรับที่จะนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำมากเป็นพิเศษ นั่นก็คือ “การวางแผนเกษียณ” จะเพศไหนก็รักกันได้ เพราะความสุขคือความรักที่เท่าเทียม ด้วยความเข้าใจและให้ความสำคัญกับทุกความรัก โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกรูปแบบของความรักและการใช้ชีวิตให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ซึ่งรวมถึงกลุ่มคู่รัก LGBT ที่สามารถเลือกแบบประกันชีวิต  ให้ทุกๆ ความรักสามารถเข้าถึงทุกบริการได้อย่างเท่าเทียม พร้อมส่งต่อความรักและความสุขให้กับคนที่คุณรักอย่างมั่นคง โดยสามารถระบุผู้รับประโยชน์เป็นคนที่คุณรักแม้จะเป็นเพศเดียวกันได้ เพียงระบุความสัมพันธ์ ด้วยคำว่า “คู่ชีวิต” โดยไม่มีการขอเอกสารแสดงความสัมพันธ์เพิ่มเติม   แบบประกันที่รองรับ : สมัครได้ทุกแบบประกันของเมืองไทยฯ ไม่มีข้อจำกัด   ระบุความสัมพันธ์ : ระบุว่า “คู่ชีวิต”  เอกสารที่ใช้ […]

สร้างรายได้ด้วยผลตอบแทนจากการลงทุน

“อยากอยู่เฉยๆ แล้วมีรายได้” เป็นประโยคยอดฮิตที่มักได้ยินบ่อยๆ ของคนรุ่นใหม่ที่มองหาช่องทางหาเงินมากกว่าการทำงานประจำแบบเดิมๆ บางคนบอกว่าลงทุนในหุ้น บางคนเป็นนายซื้อขาย บางคนเปิดกิจการเป็นของตัวเอง แต่การมีรายต่างๆนั้น เรียกว่าอะไรและไม่ต้องทำงานก็มีรายได้จริงหรอ มาดูกันครับ “Active Income” รายได้ที่มาจากการทำงานต่างๆ เช่น ทำงานประจำ จากการค้าขาย จากแรงงาน รายได้ส่วนนี้จะหายไปเมื่อเราไม่มีงานทำหรือถ้าวันไหนไม่ได้ขายของก็ไม่มีรายได้ ซึ่งรายได้ของคนกลุ่มใหญ่จะอยู่ส่วนนี้ การเพิ่มได้จาก Active Income ก็ขยันทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม หรือการพัฒนาตัวเองให้มีความสามารถมากขึ้น สามารถที่จะต่อรองเงินเดือนได้ หรือเรียนรู้ในสายอาชีพตัวเองให้เป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นที่รู้จักของกลุ่มคนสายงานเดียวกัน ส่วนอาชีพค้าขายก็จะต้องขายของให้ได้มากขึ้น หาสินค้าใหม่ๆ หรือแผนการตลาดใหม่ๆให้ทันต่อโลกปัจจุบัน “Passive Income” เป็นรายได้ที่เราไม่ต้องทำงานแล้วหรือไม่ต้องทำงานทุกวัน รายได้ที่มาจากเราทำอะไรไว้สักอย่างแล้วได้เงินมา ตัวอย่างของ Passive Income ที่ใกล้ตัวที่สุด เช่น เราเอาเงินไปฝากธนาคารแล้วดอกเบี้ยเงินฝาก ผลตอบแทนจากการลงทุน หรือรายได้จากแหล่งอื่นเช่น สร้างอาพาร์ทเม้นให้เช่า ค่าเช่าอาคาร หรือค่าเช่าอื่นๆที่ปล่อยเช่าได้ เจ้าของก็รอเก็บค่าเช่าเป็นรายได้อีกทางนึง การเขียนหนังสือรอรอรับส่วนแบ่งจากการขาย หรือการแต่งเพลงแล้วขอเก็บค่าลิขสิทธิ์ แต่…ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยเงินฝากเป็น Passive Income ก็คงไม่เพียงพอ เพราะผลตอบแทนน้อยมาก ตัวอย่างเงินฝากประจำ เดือนละ 1,000 บาท […]

1 44 45 46 47 48 56